เครื่องช่วยฟัง ผู้สูงอายุ

เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุยี่ห้อไหนดี

ผู้สูงอายุหลายๆ คนมักประสบปัญหาอาการหูตึงที่มีความสามารถในการได้ยินลดลงเนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นประสาทหูเสื่อมตามอายุและสภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตที่ทำให้เสี่ยงต่อการหูตึง อาการหูหึงอาจจะไม่อันตรายต่อชีวิตแต่ทำให้ผู้ประสบปัญหาเกิดความลำบากในการใช้ชีวิต การสื่อสารกับบุคคลรอบข้างและอาจทำให้เกิดความเครียดได้ ปัญหาหูตึงจึงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้สูงอายุ จึงมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กที่ช่วยเพิ่มขยายเสียงต่างๆนั้นก็คือ เครื่องช่วยฟัง ผู้สูงอายุ วันนี้เราได้รวบรวมเครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุยี่ห้อไหนดีมาฝากกันเลย

1. CRONOS รุ่น SU05U

เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุที่ทำงานด้วยระบบดิจิทัล 4 ชาแนล ช่วยตัดเสียงรบกวนจากรอบข้างได้อย่างดี เสียงมีความคมชัดเป็นธรรมชาติ สามารถปรับเสียงทุ้ม-แหลมหรือขยายเสียงดังได้สูงสุดถึง 148 เดซิเบล ผ่านมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจากสากลทั่วโลก ทำให้มีราคาสูงตามไปด้วย ทั้งยังมีโหมด Telecoil สำหรับนั่งดูทีวีหรือคุยโทรศัพท์อีกด้วย

2. NEVARA 1

เครื่องช่วยฟังที่มีการประมวลผลสัญญาณ ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้คุณได้ยินเสียงอย่างชัดเจนในทุกสภาพแวดล้อม ด้วยการขยายเสียงอย่างละเอียด และให้เสียงอย่างเป็นธรรมชาติ จึงทำให้ทุกการสื่อสารเป็นเรื่องง่ายดาย พร้อมด้วยระบบจับทิศทางเสียงอัตโนมัติ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจทุกเสียงพูด แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนแตกต่างกัน

3. Lantex รุ่น JH-113A 

เป็นเครื่องช่วยฟังแบบอนาล็อกแบบคล้องหลังหู เป็นเครื่องช่วยฟังที่มีราคาย่อมเยาไม่ถึงพัน ที่ให้ความดังถึง125เดซิเบล เป็นแบบใส่ถ่านสามรถปรับเสียงได้ แต่ไม่ตัดเสียงรบกวน เป็นเครื่องช่วยฟังที่ขยายทุกเสียงให้ดังขึ้นเหมาะสำหรับผู้ที่หูตึงเริ่มต้นถึงหูตึงรุนแรงสามารถใส่ได้

4. Cofoe รุ่น D-C-C1R

ตัวเครื่องมีสีเนื้อขนาดเล็กเท่าปลายนิ้วมือเท่านั้น สามารถติดไว้ในหูได้อย่างแนบเนียน จะใส่อยู่บ้านหรือใส่ไปข้างนอกก็สังเกตได้ยาก โดยรุ่นนี้ใช้ระบบการทำงานแบบดิจิทัล ช่วยให้ขยายกำลังเสียงได้อย่างละเอียด เนื้อเสียงมีความนุ่มนวล สามารถเพิ่มและลดเสียงได้ถึง 5 ระดับ มาพร้อมจุกยาง 3 ขนาด แถมมาในกล่อง เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้พอดีกับรูหูมากที่สุด

5. SAPHIRA 3P

เครื่องช่วยฟังที่จะทำให้คุณได้ยินทุกคลื่นความถี่เสียงอย่างชัดเจน โดยการโอนย้ายคลื่นความถี่เสียงสูงที่คุณสูญเสียไป ให้ไปอยู่ในช่วงความถี่ที่คุณยังได้ยิน คุณจึงมั่นใจได้ในทุกบทสนทนา รวมทั้งการคุยโทรศัพท์มือถือ การฟังเพลงจากสเตอริโอ การดูโทรทัศน์ จะเป็นเรื่องที่ง่ายดาย เพียงใช้อุปกรณ์เสริมที่สามารถเชื่อมต่อแหล่งสัญญาณเสียงเข้ากับเครื่องช่วยฟัง ผ่านสัญญาณบลูทูธ

Intimex ผู้ให้บริการเครื่องช่วยฟังที่จะช่วยดูแลตั้งแต่การตรวจร่างกาย ตลอดจนช่วยเลือกเครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุให้เหมาะกับคุณมากที่สุด 

เลสิก ราคา

เลสิก ราคาถูกดีจริงหรือ ใช้เทคโนโลยีอะไรในการแก้ไข 

หากคุณกำลังมีปัญหาสายตาสั้นสายตาเอียงหรือสายตายาวและต้องการแก้ไขด้วยการทำเลสิกราคาถูก แต่ยังคงลังเลว่าควรใช้บริการเลสิก ราคาถูกดีหรือไม่ ไม่ต้องกังวลไปเราจะพาไปดูว่าจริง ๆ แล้วการเลือกใช้เทคโนโลยีราคาถูกเพื่อแก้ไขปัญหาดีจริงไหมและใช้เทคโนโลยีอะไร  

เลสิก ราคาถูกดีจริงหรือ ใช้เทคโนโลยีอะไร 

แน่นอนว่าการทำเลสิกราคาถูกดีจริง เนื่องจากใช้เทคโนโลยีที่ผ่านรับการยอมรับว่าปลอดภัย ไม่มีการเย็บแผล และไม่เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงตามมา โดยเทคโนโลยีที่เรากำลังจะพูดถึง คือเทคโนโลยีการทำเลสิกที่มีชื่อว่าไมโครเคลาโทมเลสิก และพีอาร์เค (เฉลี่ยค่าใช้จ่ายไม่เกิน 50,000 บาท)  

1. การทำเลสิกแบบ microkeratome  

คือ เทคโนโลยีการทำเลสิกแบบใช้ใบมีดอัตโนมัติในการตัดแยกชั้นตา เพื่อทำการยิงเลเซอร์แก้ไขปัญหาความผิดปกติของสายตาครอบคลุมทั้งสายตาสั้น (สายตาสั้นไม่เกิน 1,200 – 1,300) และสายตาเอียง (ไม่เกิน 500) 

ข้อดี 

  • มีความแม่นยำและปลอดภัยสูง 
  • ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อย 
  • สามารถกลับมามองเห็นได้อย่างรวดเร็วหลังจากการผ่าตัด 
  • ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือระคายเคืองน้อยมาก 

2. เลสิก PRK  

หรือเทคโนโลยีการแก้ไขปัญหาความผิดปกติของสายตาแบบไม่แยกชั้นกระจกตา แต่ใช้วิธีกำจัดเซลล์ชั้นนอกกระจกตาออกก่อนจะใช้เลเซอร์ปรับรูปร่างของกระจกตา 

ข้อดี 

  • ไม่เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงหรือเกิดน้อยมาก 
  • ไม่มีการเย็บแผล  

ใครบ้างควร – ไม่ควรทำเลสิก 

ก่อนตัดสินใจทำเลสิก ราคาถูกไปดูกันว่าใครบ้างควรหรือไม่ควรทำ 

1. ควร  

  • คนที่ได้รับการประเมินจากจักษุแพทย์ว่าสุขภาพโดยรวมของดวงตาอยู่ในเกณฑ์ดี เมื่อเข้ารับการผ่าตัดแล้วไม่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายใด ๆ  
  • คนที่มีกระจกตาหนาและแข็งแรง 
  • คนที่มีค่าสายตาคงที่หรือค่าสายตาไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงมากนัก  
  • คนที่เข้าใจข้อดี – ข้อเสียของการทำเลสิกดีว่าเป็นอย่างไร   
  • คนที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ไม่อยากเสียเวลาในการใส่คอนแทคเลนส์หรือแว่นตา  

2. คนที่ไม่ควรทำ 

  • ผู้ที่ป่วยเป็นโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรังที่มีผลกระทบต่อดวงตา เช่น โรคเบาหวาน โรครูมาตอยด์ 
  • ผู้ที่มีประวัติการติดเชื้อที่บริเวณดวงตา 
  • ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับการมองเห็น เช่น โรคต้อกระจก โรคต้อหิน  
  • ผู้ที่มีกระจกตาบางหรือได้รับการประเมินจากจักษุแพทย์แล้วว่าไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ 
  • ผู้ที่มีอาการตาแห้งอย่างรุนแรง 
  • ผู้ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร 
  • ผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้นสายตายาวและสายตาเอียงมาก  
  • ผู้ที่มีค่าสายตาไม่เสถียรหรือยังมีการเปลี่ยนแปลง 

สรุปได้ว่าการทำเลสิก ราคาถูกดีจริงแค่ต้องมั่นใจว่าเลือกเทคโนโลยีสอดคล้องกับความต้องการ แต่ทั้งนี้อย่าลืมให้ความสำคัญกับการเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ต้องการเข้ารับบริการด้วยเพื่อความปลอดภัยและความคุ้มค่า 

รับสร้างบ้าน

รับสร้างบ้านต้องเตรียมอะไรบ้างก่อนจ้าง 

แน่นอนว่าก่อนจ้างบริษัทรับสร้างบ้านจำเป็นต้องเตรียมพร้อมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบความปลอดภัยของบริษัทหรือการเตรียมเอกสารสำคัญต่าง ๆ แต่หากคุณไม่รู้ว่าต้องตรวจสอบหรือเตรียมเอกสารอะไร ไม่ต้องกังวลเรารวมมาให้แล้ว 

รับสร้างบ้านก่อนจ้างต้องเตรียมความพร้อมด้วยการตรวจสอบความปลอดภัย 

แน่นอนว่าการสร้างบ้านถือเป็นขั้นตอนสำคัญจะเลือกจ้างบริษัทรับสร้างบ้านไหนก็ได้ไม่ได้ จำเป็นต้องตรวจสอบองค์ประกอบด้านความปลอดภัยเสียก่อนด้วยแต่จะตรวจสอบอะไรไปดู 

1. ตรวจสอบข้อมูลบริษัท  

ดูทุกข้อมูลเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะข้อมูลด้านความชำนาญและความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานก่อสร้าง  

2. ตรวจสอบประวัติและผลงาน  

ทำการค้นหาประวัติของบริษัทนั้น ๆ ว่าเคยให้บริการและสั่งสมประสบการณ์ยังไง มีประวัติการโกงไหม หรือเกิดข้อผิดพลาดแล้วหนีหายไปหรือเปล่า รวมถึงผลงานที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร ตอบโจทย์กับสิ่งที่ตามหาหรือไม่ 

3. มาตรฐานการก่อสร้างต้องเป็นที่ยอมรับ 

หรือเป็นไปตามหลักวิศวกรรม พร้อมทั้งได้รับการควบคุมดูแลโดยวิศวกรและสถาปนิกผู้มีความเชี่ยวชาญ  

4. สัญญาจ้างต้องมีความชัดเจน 

ถ้าจะให้ดีควรมีตัวอย่างสัญญาจ้างแบบคร่าว ๆ ให้ดูว่ารายละเอียดเบื้องต้นเป็นยังไง หรือมีข้อมูลอะไรบ้าง เช่น วัสดุที่ใช้ การแบ่งชำระ ระยะเวลาการก่อสร้าง ลักษณะเนื้องาน การประกัน  

5. มีผู้เชี่ยวชาญคอยตรวจงานทุกขั้นตอน 

และสามารถรายงานสิ่งที่เกิดข้อผิดพลาดหรือต้องปรับปรุงแก้ไขได้อย่างชัดเจนและตรงประเด็น  

เอกสารสำคัญที่จำเป็นต้องเตรียมให้พร้อมเมื่อต้องการจ้างบริษัทสร้างบ้าน  

สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนจ้างบริษัทรับสร้างบ้านมีด้วยกันทั้งหมด 6 เอกสาร ได้แก่  

  • เอกสารแบบแปลนบ้าน โดยหนึ่งแบบแปลนจะประกอบไปด้วยแบบย่อยทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ แบบสถาปัตยกรรมใช้สำหรับแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดรูปร่างรูปทรงของบ้าน รวมถึงวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้ในการก่อสร้าง แบบวิศวกรรมโครงสร้างมีรายละเอียดเกี่ยวกับงานโครงสร้างทั้งหมด แบบวิศวกรรมสุขาภิบาลระบุรายละเอียดเกี่ยวกับงานท่อต่าง ๆ ทั้งหมด แบบวิศวกรรมไฟฟ้าแสดงถึงงานระบบไฟฟ้าทั้งหมด 
  • ใบขออนุญาตขอ 1 หรือเอกสารขออนุญาตก่อสร้างบ้าน ก่อสร้างอาคาร ดัดแปลงอาคาร หรือถอนอาคารฉบับกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว 
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือทะเบียนบ้านของเจ้าของอาคาร มีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการแสดงตัวตน กรณีไม่ได้มีการยื่นขออนุญาตก่อสร้างด้วยตนเอง จำเป็นต้องมีหนังสือแสดงการมอบอำนาจให้แก่ผู้แทนในการยื่นเอกสาร  
  • สำเนาโฉนดที่ดินที่จะก่อสร้าง โดยสำเนาต้องมีเอกสารแสดงสิทธิที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของด้วย  
  • เอกสารที่แสดงถึงการเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ยืนยันโดยวิศวกรผู้คุมงาน  
  • รายการคำนวณโดยวิศวกรโครงสร้าง เพื่อใช้ยืนยันว่าผ่านการออกแบบโดยวิศวกร  

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงรายละเอียดคร่าว ๆ ในการเตรียมความพร้อมก่อนจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน เนื่องจากในส่วนของการจัดเตรียมเอกสารและการตรวจสอบองค์ประกอบต่าง ๆ ของบริษัทมีรายละเอียดที่ค่อนข้างซับซ้อน จึงจำเป็นต้องอาศัยการดำเนินการที่ค่อนข้างรัดกุม เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าจะไม่เสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาดหรือมีปัญหาตามมาในภายหลัง 

RELX POD

RELX POD ทำไมถึงได้รับความนิยมมากกว่าพอตไฟฟ้ารุ่นอื่น? 

เรียกได้ว่าในปัจจุบันการใช้งานพอตไฟฟ้า เป็นตัวช่วยสูบบุหรี่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังมีคนรุ่นใหม่หลาย ๆ คนเลือกใช้งานกันมากยิ่งขึ้น ด้วยความที่ตัวเครื่องพอตไฟฟ้ามีขนาดเล็ก สามารถพกพาได้อย่างสะดวก มาพร้อมกับกลิ่นน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่เลือกได้อย่างมากมาย และพอตไฟฟ้าที่เลือกใช้งานได้หลายรุ่นเลยทีเดียว ซึ่ง RELX POD จะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์พอตไฟฟ้าที่น่าสนใจ และทุกคนไม่ควรพลาดเลยทีเดียว รับประกันได้เลยว่าหากใครได้ใช้งาน จะต้องติดใจกันอย่างแน่นอน 

RELX POD รู้จักพอตไฟฟ้าแบรนด์นี้ให้มากยิ่งขึ้น 

สำหรับพอตไฟฟ้าแบรนด์ RELX POD จะถือเป็นแบรนด์แรก ๆ ของวงการพอตไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ โดยแบรนด์นี้ได้ผลิตรุ่นแรกมาเป็นรุ่น RELX Classic หรือ RELX Zero ซึ่งในปัจจุบันรุ่นนี้ก็ยังได้รับความนิยมอยู่เช่นเดิม ด้วยความที่ตัวเครื่องของแบรนด์นี้จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ให้ความสวยงามและให้ความทันสมัยได้มากที่สุด ดีไซน์การออกแบบจะมีความโดดเด่น ระบบการใช้งานพอตไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ง่าย ให้ความรู้สึกเหมือนสูบบุหรี่จริง แถมยังมีหัวน้ำยาให้เลือกมากมาย แต่ละกลิ่นล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่จะให้ความหอมได้อย่างถึงใจ รับรองได้เลยว่าจะถูกใจสายพอตไฟฟ้ามากที่สุดอย่างแน่นอน 

ทำไมพอตไฟฟ้าแบรนด์ RELX ถึงได้รับความนิยมมากที่สุด 

แม้ว่าพอตไฟฟ้า RELX POD จะเป็นแบรนด์แรก ๆ ของตลาดนี้ ที่เปิดให้บริการมาเป็นเวลานาน แต่ทางแบรนด์ได้ผลิตพอตไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ให้ทุกคนได้ใช้งานกันอยู่เสมอ เพื่อต้องการให้ทุกคนได้ใช้งานอย่างทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานได้มากที่สุด และนอกจากนี้ทางแบรนด์ยังมาพร้อมกับจุดเด่นในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 

  • ระบบการใช้งานของพอตไฟฟ้าสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย มือใหม่ก็สามารถใช้งานได้ในทันที 
  • ไม่ต้องเติมน้ำยา พันลวด หรือพันลำสีให้ยุ่งยากเหมือนบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นก่อน ๆ เนื่องจากหัวน้ำยาพอตไฟฟ้าจะมาในระบบ Close System ดังนั้นจะใช้งานได้อย่างสะดวกแน่นอน 
  • ดีไซน์ตัวเครื่องจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่มีความเรียบหรูดูแพง แต่ตัวเครื่องจะมาในราคาที่สามารถจับต้องได้ง่าย 

ทั้งนี้พอตไฟฟ้า RELX POD รุ่นใหม่ ๆ ได้รับพัฒนาและแก้ไขปัญหาจากรุ่นก่อน ๆ จนในปัจจุบันทุกคนสามารถใช้งานพอตไฟฟ้าที่ดีที่สุด สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ในราคาที่ไม่แพง อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับหัวน้ำยาจากหลาย ๆ แบรนด์ได้อีกด้วย จึงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์พอตไฟฟ้า ที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม 

ขายบุหรี่ไฟฟ้า

ขายบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมายหรือไม่ มาหาคำตอบกัน

บทความนี้เราจะมาไขคำตอบกันว่า ขายบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งคำตอบคือ ผิดกฎหมาย บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในประเทศไทย ตามกฎหมาย พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 มาตรา 24 ผู้ใดขายหรือให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” โดยมีค่าตอบแทน รวมถึงการซื้อมาเพื่อขายต่อ มีความผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายอื่น ๆ ที่ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า เช่น พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ซึ่งห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในราชอาณาจักร โดยผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แล้วฉไนการขายบุหรี่ไฟฟ้า ถึงจัดเป็นสินค้าต้องห้ามกันนะ

นั่นก็เพราะว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด การศึกษาพบว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังมีสารเคมีอันตรายหลายชนิดที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น นิโคติน ฟอร์มาลดีไฮด์ โลหะหนัก เป็นต้น แล้วโทษสำหรับผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้าล่ะ ผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้ามีความผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้ายังอาจถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ซึ่งห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในราชอาณาจักร โดยผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาต่อกันที่การแจ้งเบาะแสการขายบุหรี่ไฟฟ้ากันเลย ซึ่งหากพบการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 (ในวันและเวลาราชการ) และผ่านระบบออนไลน์ ได้ที่ “ระบบร้องทุกข์ผู้บริโภค” หรือ โมบายแอปพลิเคชัน “OCPB Connect” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งสถานีตำรวจในท้องที่ที่พบการขายบุหรี่ไฟฟ้า

สรุปอย่างง่ายๆ เลย ก็คือ การขายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้ามีความผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 และอาจถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 หากพบการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 หรือสถานีตำรวจ ฉะนั้น หนุ่มๆ สาวๆ ท่านใดที่ขายบุหรี่ไฟฟ้าก็ต้องตระหนักตรงนี้แล้วนะ เพราะคุณขายบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ดีๆ อาจจะโดนจับหรือโดนรวบตัวไปเลยก็ได้ ทางที่ดีไม่ควรซื้อขายสิ่งนี้จะดีที่สุด