หม้อทอดไร้น้ำมัน

แนะนำหม้อทอดไร้น้ำมันรุ่นใช้ดี

หม้อทอดไร้น้ำมัน เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในครัวสารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะทำเมนูไหนก็อิ่มอร่อยได้ โดยเฉพาะเมนูทอด ที่บอกเลยว่านอกจากอร่อยแล้วยังได้สุขภาพที่ดี เพราะเราไม่ต้องนำไปทอดในน้ำมัน เพียงแต่ใส่หม้อทอด ตั้งเวลา แล้วรอ เพียงเท่านี้ก็ได้ของทอดสุดอร่อยเหมือนกับทอดในน้ำมันกันเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากนำเมนูทอดแล้ว หม้อทอดไร้น้ำมันยังจะมีประโยชน์ในการทำเมนูอื่นๆ อีกด้วย เรียกได้ว่ามีเครื่องเดียวก็คุ้ม วันนี้เราจะชวนทุกคนมาเลือกซื้อหม้อทอด มาดูกันเลยว่ายี่ห้อไหนจะน่าใช้

 Xiaomi รุ่น Mi Smart Air Fryer

หม้อทอดไร้น้ำมันที่มินิมอลมินิใจมากๆ เพราะมาในโทนสีขาวและดีไซน์เรียบง่ายมากๆ มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป สามารถทำได้หลากหลายเมนูอาหาร ไม่เพียงแค่การทอดเท่านั้น แต่ยังอบขนม ทำโยเกิร์ต หรือทำผลไม้อบแห้ง รวมถึงละลายน้ำแข็งได้อีกด้วย โดยสามารถทำงานได้ต่อเนื่องนานถึง 24 ชั่วโมงในอุณหภูมิความร้อนต่ำ

PHILIPS รุ่น Essential Airfryer HD9200/91

หม้อทอดไร้น้ำมันรุ่นยอดนิยมที่ใครๆ ก็มี ด้วยความสามารถฟังก์ชันการทำงานแทบไม่ต่างจากหม้อทอด Philipsรุ่นใหญ่เลย เพียงแค่รุ่นนี้จะมีความจุ 4.1 ลิตร กำลังไฟ 1,400 วัตต์ ทำอาหารได้หลากหลายเมนูทั้ง การทอด อบ และคั่ว อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Rapid Air สามารถรังสรรเมนูเพื่อตอบโจทย์คนรักสุขภาพ แต่ยังรักษาความกรอบของอาหารไว้เหมือนการทอดที่ใช้น้ำมันจริง ๆ ใช้งานง่ายสะดวก เพียงตั้งเวลาและปรับอุณหภูมิ เครื่องก็ทำงานโดยอัตโนมัติ

Otto รุ่น CO-745

หม้อทอดไร้น้ำมันราคาไม่แพง ใช้สำหรับทอดอาหาร ปิ้ง ย่าง อบ หรือทำเบเกอรี่ วัสดุของตัวเครื่องผลิตจากพลาสติกเคลือบมันอย่างดี ทนความร้อนสูง หม้อทอดเป็นโลหะเคลือบสารป้องกันไม่ให้อาหารติดภาชนะ ส่วนถาดลิ้นชักใส่อาหารสามารถถอดได้ ปรับอุณภูมิได้สูงสุด 200 องศาเซลเซียส ตั้งเวลาได้สูงสุด 30 นาที ใช้ลมร้อนทำให้อาหารสุกอย่างทั่วถึง

TEFAL รุ่น EASY FRY CLASSIC EY2018 

TEFAL รุ่น EASY FRY CLASSIC EY2018 มาพร้อมกับขนาดความจุที่ใหญ่ม๊ากกกในปริมาณ 1.2 กิโลกรัมหรือสามารถทำอาหารได้ครั้งหนึ่งในปริมาณ 6 คนทานเลยทีเดียว หากบ้านใครมีเครื่องล้างจาน ทาง TEFAL รับประกันมาเลยว่าปลอดภัยเมื่อใช้กับเครื่องล้างจานแน่นอน

SEAGULL รุ่น 150001207

Seagull อีกหนึ่งแบรนด์เครื่องครัวที่อยู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ครั้งนี้ก็ได้ผลิตหม้อทอดไร้น้ำมันออกมาให้ทุกคนได้ลองใช้งานเช่นกัน โดยรุ่นนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การเลือกใช้เทคโนโลยี Cyclone Air Twin Turbo หรือระบบใบพัด 2 ชั้น ที่ช่วยกระจายความร้อนภายในหม้อทอดได้สม่ำเสมอ อาหารจึงสุกทั่วถึงและกรอบนอกนุ่มใน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับหม้อทอดไร้น้ำมันที่ได้แนะนำในวันนี้ สนใจรุ่นไหนก็เข้าไปเลือกดูและสั่งซื้อผ่าน LAZADA ได้เลย ไม่ต้องเดินทางไปซื้อเองก็มีหม้อทอดไร้น้ำมันมาส่งถึงบ้านอย่างรวดเร็ว 

เบียร์กับอาหาร

การจับคู่เบียร์กับอาหาร: เพิ่มประสบการณ์ทานอาหาร

การรับประทานอาหารที่ดีนั้น นอกจากรสชาติของอาหารแล้ว องค์ประกอบอื่นๆ ที่ช่วยเสริมรสชาติของอาหารให้ดีขึ้นได้ก็คือเครื่องดื่มที่เสิร์ฟคู่กัน หนึ่งในเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในการเสิร์ฟคู่กับอาหารก็คือเบียร์ เนื่องจากเบียร์มีรสชาติและกลิ่นที่หลากหลาย จึงสามารถจับคู่กับอาหารได้หลากหลายเช่นกัน

การจับคู่เบียร์กับอาหารที่ดีนั้น สามารถทำได้โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • ความเข้มของเบียร์ เบียร์มีระดับความเข้มตั้งแต่อ่อนไปจนถึงเข้ม อาหารที่มีรสชาติเข้มข้น เช่น เนื้อสัตว์ย่าง สเต็ก ควรเสิร์ฟคู่กับเบียร์ที่มีระดับความเข้มปานกลางถึงเข้ม เพื่อให้รสชาติของอาหารและเบียร์เข้ากัน
  • รสสัมผัสของเบียร์ เบียร์มีรสสัมผัสที่แตกต่างกัน เช่น รสขม รสหวาน รสเปรี้ยว อาหารที่มีรสสัมผัสหนัก เช่น อาหารที่มีไขมันสูง ควรเสิร์ฟคู่กับเบียร์ที่มีรสขม เพื่อตัดเลี่ยน
  • กลิ่นของเบียร์ เบียร์มีกลิ่นแตกต่างกัน เช่น กลิ่นผลไม้ กลิ่นดอกไม้ กลิ่นฮอปส์ อาหารที่มีกลิ่นหอม เช่น อาหารทะเล อาหารไทย ควรเสิร์ฟคู่กับเบียร์ที่มีกลิ่นหอม เพื่อเสริมรสชาติของอาหาร

ตัวอย่างการจับคู่เบียร์กับอาหาร

  • อาหารทะเล อาหารทะเลมีรสชาติที่สดชื่น จึงควรเสิร์ฟคู่กับเบียร์ที่มีรสชาติเบา เช่น เบียร์ Pale Ale หรือ Witbier
  • สเต็ก สเต็กมีรสชาติที่เข้มข้น จึงควรเสิร์ฟคู่กับเบียร์ที่มีระดับความเข้มปานกลางถึงเข้ม เช่น เบียร์ Porter หรือ Stout
  • พาสต้า พาสต้ามีรสชาติที่หลากหลาย จึงสามารถเสิร์ฟคู่กับเบียร์ได้หลายสไตล์ เช่น เบียร์ Pale Ale สำหรับพาสต้าที่มีซอสมะเขือเทศ เบียร์ IPA สำหรับพาสต้าที่มีซอสครีม
  • อาหารไทย อาหารไทยมีรสชาติที่เข้มข้นและหลากหลาย จึงควรเสิร์ฟคู่กับเบียร์ที่มีรสชาติเข้มข้นเช่นกัน เช่น เบียร์ Belgian Tripel หรือ Barleywine

เคล็ดลับการจับคู่เบียร์กับอาหาร

  • ทดลองด้วยตัวเอง การทดลองจับคู่เบียร์กับอาหารด้วยตัวเองเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหาคู่ที่ลงตัว คุณสามารถเริ่มจากการลองจับคู่เบียร์กับอาหารที่คุณชอบ และให้ความสนใจกับรสชาติและกลิ่นของอาหารและเบียร์ว่าเข้ากันหรือไม่
  • อย่ากลัวที่จะลองอะไรใหม่ๆ การจับคู่เบียร์กับอาหารไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกฎเกณฑ์ใดๆ คุณสามารถลองจับคู่เบียร์กับอาหารในสไตล์ใหม่ๆ เพื่อหาคู่ที่สร้างสรรค์

การจับคู่เบียร์กับอาหารเป็นประสบการณ์ที่สนุกและท้าทาย คุณสามารถใช้เวลาในการทดลองจับคู่เบียร์กับอาหารต่างๆ เพื่อหาคู่ที่ลงตัวและช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารให้ดีขึ้นได้